Google ใช้หลายปัจจัยในการจัดอันดับธุรกิจใน Google Maps ซึ่งประกอบด้วย:

1. ความเกี่ยวข้อง (Relevance): คือการที่ข้อมูลของธุรกิจตรงกับการค้นหาของผู้ใช้ ยิ่งข้อมูลในโปรไฟล์ Google My Business (GMB) ของคุณตรงกับคำค้นหาที่ผู้ใช้ใช้ในการค้นหา ธุรกิจของคุณก็ยิ่งมีโอกาสแสดงผลสูงขึ้น เช่น คำอธิบายธุรกิจที่ใช้คำสำคัญ (keywords) ที่เกี่ยวข้อง

2. ระยะทาง (Distance): ความใกล้เคียงระหว่างตำแหน่งของผู้ใช้กับตำแหน่งธุรกิจ หากผู้ใช้ค้นหาธุรกิจที่ใกล้ตัว พิกัดที่อยู่ของธุรกิจจะส่งผลต่ออันดับด้วย ธุรกิจที่อยู่ใกล้เคียงผู้ใช้จะถูกจัดอันดับสูงกว่า

3. ความโดดเด่น (Prominence): หมายถึงความรู้จักและความเชื่อถือของธุรกิจ ซึ่งพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น จำนวนและคุณภาพของรีวิวจากลูกค้า, ปริมาณการค้นหา, การเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจจากแหล่งต่างๆ, เว็บไซต์ของธุรกิจ, และการแสดงข้อมูลที่ถูกต้องและสมบูรณ์ในโปรไฟล์ GMB

4. รีวิวและคะแนน (Reviews & Ratings): รีวิวจากลูกค้าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับ ธุรกิจที่ได้รับรีวิวที่ดีและคะแนนสูงมักจะมีโอกาสปรากฏในอันดับที่สูงกว่า ยิ่งรีวิวมีคุณภาพและตอบกลับรีวิวก็ยิ่งส่งผลดี

5. กิจกรรมในโปรไฟล์ Google My Business (GMB): การอัปเดตข้อมูลใน GMB อย่างสม่ำเสมอ, การเพิ่มรูปภาพ, การโพสต์ข่าวสารหรือโปรโมชั่น, และการตอบกลับคำถามหรือรีวิวจากลูกค้า มีผลต่อการจัดอันดับ

6. การเชื่อมโยงข้อมูลจากเว็บไซต์และแหล่งอื่นๆ: Google ยังใช้ข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ เช่น เว็บไซต์, บล็อก, หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณ เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและความเป็นที่รู้จัก

การปรับปรุงหรือเพิ่มพูนปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสปรากฏในอันดับที่ดีขึ้นใน Google Maps ค่ะ

การที่อันดับ Google Maps ตกอาจเกิดจากหลายปัจจัย ต่อไปนี้คือแนวทางที่สามารถช่วยปรับปรุงอันดับได้:

1. อัปเดตข้อมูลธุรกิจ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโปรไฟล์ธุรกิจของคุณใน Google My Business (GMB) ถูกต้องและอัปเดตอยู่เสมอ รวมถึงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร เว็บไซต์ และเวลาเปิดทำการ

2. รีวิวจากลูกค้า: การมีรีวิวที่ดีและจำนวนมากสามารถช่วยเพิ่มอันดับได้ คุณสามารถขอให้ลูกค้าพิมพ์รีวิวหลังจากใช้บริการ และตอบกลับรีวิวเพื่อแสดงความใส่ใจ

3. การเพิ่มรูปภาพ: การอัปโหลดภาพถ่ายของธุรกิจและสินค้าจะช่วยดึงดูดความสนใจจากลูกค้าและทำให้โปรไฟล์ของคุณดูน่าสนใจมากขึ้น

4. คำสำคัญ (Keywords): ใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในคำอธิบายธุรกิจและโพสต์ใน Google My Business เพื่อช่วยให้ Google รู้จักธุรกิจของคุณได้ดีขึ้น

5. โพสต์บน Google My Business: ใช้ฟีเจอร์โพสต์ใน Google My Business เพื่อแชร์โปรโมชั่น ข่าวสาร หรือกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

6. เพิ่มที่ตั้งในเว็บไซต์: หากยังไม่ได้ทำ, ให้แน่ใจว่าได้แสดงที่อยู่ของธุรกิจบนเว็บไซต์ของคุณและเชื่อมโยงกับ Google Maps

7. สม่ำเสมอในการทำกิจกรรมออนไลน์: สร้างความเชื่อถือจาก Google ด้วยการมีการเข้าถึงธุรกิจของคุณบ่อยๆ เช่น การทำ SEO บนเว็บไซต์ หรือการเชื่อมโยงข้อมูลกับแพลตฟอร์มต่างๆ

8. การตรวจสอบความถูกต้องของ NAP: ข้อมูล Name, Address, Phone Number (NAP) ของคุณควรสอดคล้องกันในทุกเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์